จรยุทธ
จตุรพรประสิทธิ์
เขต
3
กรุงเทพมหานคร
4
ยานนาวา
บางคอแหลม
ช่องนนทรีบางโพงพางบางคอแหลมวัดพระยาไกรบางโคล่
ใช้ง่าย สั่งได้
รับใช้ประชาชน
กล้าชนเผด็จการ
ประเทศที่ผมอยากเห็น
อยากเห็นประเทศไทยพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้
อยากเห็นความเท่าเทียมในสังคม
อยากเห็นคนทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่มีความเหลื่อมล้ำ
อยากเห็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา
ข้อมูลทั่วไป
การศึกษา
ประถมศึกษา โรงเรียนอัสสัมชัญ สำโรง
มัธยมศึกษา โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา
มัธยมศึกษา University Heights Academy, KY, USA
ปริญญาตรี บริหารธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
แสดงเพิ่มเติม (2)
การทำงาน
2551-2553 บริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด
2553 - ปัจจุบัน บริษัท มีเดีย แรพ จำกัด
2557 - ปัจจุบัน ทนายความอิสระ
2561 - ปัจจุบัน ที่ปรึกษากฎหมายประจำศาลเยาวชนและครอบครัว
แสดงเพิ่มเติม (1)
โซเชียลมีเดีย
ผลงาน
บทบาทที่ผ่านมาของ จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ทั้งในสภาและนอกสภา
พื้นที่
กระตุ้นสร้างระบบ เตือนภัยชุมชน หลังมีเสียงสะท้อนเหตุไฟไหม้บ้าน
[ จะต้องเสียหายอีกเท่าไร ถึงจะจริงจังสร้างระบบเตือนภัยชุมชนเมืองได้ ล่าสุดเหตุไฟไหม้ในเขตบางคอแหลมไร้การแจ้งเตือน ]
.
เมื่อ 2 วันก่อนภายหลังมีเหตุเพลิงไหม้ในช่วงเย็นของ วันที่ 6 พ.ย.65 บริเวณข้างวัดเรืองยศสุทธาราม เขตบางคอแหลม ซึ่งจุดที่มีบ้านไม้ปลูกติดกันหลายหลังคาเรือน ผมได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความเสียหายและรับฟังปัญหา พบว่า ต้นเพลิงมาจากบ้านพักอาศัยซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น เสียหายหมดทั้งหลัง และลุกลามไปยังบ้านข้างเคียงจนเสียหายทั้งหลังเช่นกัน โดยทั้งสองหลังนั้นเป็นบ้านเช่าที่มีผู้เช่าอยู่อาศัยถึง 13 ครอบครัว เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุเพลิงไหม้ว่าเกิดจาก แก๊สหุงต้มรั่วไหล มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย แต่ปลอดภัยแล้ว
.
อย่างไรก็ดี อุทธาหรณ์จากกรณีนี้ที่อยากเรียกร้องไปยังผู้เกี่ยวข้องคือ ระบบแจ้งเตือนภัยของชุมชนเมืองที่ไม่พร้อม เนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้น คนในพื้นที่เกิดเหตุกล่าวตรงกันว่าไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆ ซึ่งกรณีนี้ถือว่าโชคดีที่เหตุการณ์สามารถควบคุมได้เร็วเนื่องจากมีหัวแดงดับเพลิงอยู่ไม่ไกล จึงไม่มีเหตุสูญเสียชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะโชคดีแบบนี้เสมอไป พื้นที่ชุมชนเมืองแบบกรุงเทพ มีความแออัดสูง หากเกิดแล้วสามารถลุกลามบานปลายได้เร็ว หากไม่มีระบบแจ้งเตือนภัยและแผนรับมือเหตุฉุกเฉินที่ดี ความสูญเสียร้ายแรงก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
.
“คงไม่มีเมืองใดอยากให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเหมือนกรณีอิแทวอน ดังนั้น เราจะต้องมีการเตรียมความพร้อมที่ดี มีแผนรับมือที่เหมาะสมในการรับมือภัยพิบัติเมืองแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ น้ำท่วม สารเคมีรั่ว หรืออื่นๆ โดยเฉพาะการแจ้งเตือนที่เร็วเมื่อเกิดเหตุถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ควรมีการเตือนภัยทั้งแบบผ่าน sms และระบบเตือนภัยในชุมชนพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถทำได้ อย่างน้อยเพื่อให้คนในพื้นที่ได้รู้ตัวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อปฏิบัติตัวได้ถูกในขั้นต่อไป ว่าควรหนีทันที หรือมีเวลาเตรียมการอื่นๆ หนีไปทางไหน รู้เส้นทางอพยพหนีภัยในชุมชน รวมถึงรู้จุดที่ติดตั้งอุปกรณ์ระงับเหตุเบื้องต้นและมีทักษะในการใช้ ไม่ว่าถังดับเพลิงหรือหัวฉีดน้ำต้องไม่มีสิ่งใดกีดขวาง เพื่อให้เวลามีเหตุสามารถพร้อมใช้ได้ความปลอดภัยของเมืองเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น ทุกชุมชนควรมีระบบเตือนภัยที่ดีและซ้อมรับเหตุอยู่เสมอ รวมถึงการสอนในโรงเรียน ผมคิดว่าเราควรจริงจังและลงทุนในเรื่องนี้ได้แล้ว”
เราคือคนขีดเส้นทางนี้เองเส้นทางของการเปลี่ยนแปลง
#ต้องก้าวไกลให้ไทยก้าวหน้า
#เปลี่ยนประเทศไทยก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
#จรยุทธก้าวไกล
#ต้นกล้าก้าวไกล
#กล้าก้าวไปก้าวไกล
#พรรคก้าวไกล
#ยานนาวา #บางคอแหลม
สภา
[ นำผู้เสียหายจากแกงค์คอลเซ็นเตอร์ ร้อง กมธ.พัฒนาการเมืองฯ หวังรัฐจริงจังปิดบัญชีม้า ชี้ บัญชีม้าคือช่องทางเอื้อมิจฉาชีพ ]
ผมได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งได้รับความเสียหายจากกลุ่มมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ จึงได้ประสานเข้ายื่นเรื่องต่อกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ โดยมี ส.ส.ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการเป็นผู้รับเรื่อง โดยนี่คือเรื่องที่ยืดเยื้อมานานแล้วและยังแก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการผ่านกลไกระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการยากที่จะให้รัฐบาลปัจจุบันนี้ที่ไร้บทบาทความน่าเชื่อถือบนเวทีโลกไปดำเนินการใด ๆ ได้
.
แต่อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้คือการดำเนินการกับสิ่งที่เรียกว่า “บัญชีม้า” ซึ่งก็คือบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลอื่น ที่มิจฉาชีพนำมาใช้เป็นช่องทางในการรับโอนเงินและถ่ายโอนเงิน โดยได้มาจากทั้งการจารกรรมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นนำมาใช้ในการเปิดบัญชี การจ้างบุคคลอื่นให้เปิดบัญชีแทนให้ รวมถึงการรับซื้อบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลอื่น โดยมีการประกาศรับซื้อบัญชีอย่างเปิดเผย
.
ซึ่งเรื่องของบัญชีม้าควรจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการได้เลย แต่จะดำเนินการอย่างไรต่อไปได้บ้าง คงจะต้องเป็นเรื่องที่มีการหารือกันต่อไป โดยหลังจากนี้ ส.ส.ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมาธิการ เพื่อขอมติในการเชิญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงและหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
.
ทั้งนี้ ผมเห็นว่าการดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีม้า หากมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพ เช่น การใช้อำนาจระงับบัญชีม้าทันทีที่มีผู้ร้องเรียนหรือแจ้งความเข้ามา มีระบบรับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายกลุ่มมิจฉาชีพ เพื่อให้เกิดการระงับบัญชีได้อย่างทันท่วงที เป็นต้น น่าจะช่วยบรรเทาสถานการณ์ประชาชนถูกหลอกลวงได้มากขึ้น เพราะอย่างไรเสีย มิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ก็ต้องใช้บัญชีม้าในการรับโอนเงิน โดยไม่มีทางอื่น อย่างน้อย ณ ขณะนี้
.
ดังนั้น การมีระบบที่เข้าไปดำเนินการ เช่น ระบบบัญชีทันทีที่ทีการแจ้งร้องเรียนเข้ามา ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้ความเสียหายกลับคืนมาได้ทันที แต่ก็จะเป็นการตัดกำลังของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ให้ทำงานได้ยากลำบากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถทำได้หรือไม่ และจะมีอุปสรรคใดๆ ทั้งในทางเทคนิคและทางกฎหมายหรือไม่ คงเป็นเรื่องที่จะต้องมีการหารือกันต่อไป
.
การระงับบัญชีธนาคารอย่างฉับพลันทันที เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยที่มีการรัฐประหาร ยังยึดอำนาจไม่ทันเสร็จเรียบร้อยดี ก็พบว่าบัญชีของแกนนำรัฐบาลและนักกิจกรรมหลายคนก็ถูกระงับได้เรียบร้อยแล้ว ทำให้เห็นว่าเรามีกลไกในทางปฏิบัติที่จะดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีม้าอย่างฉับพลันทันทีได้อยู่ แต่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะนำมาใช้หรือไม่
.
“เรื่องของแกงค์คอลเซ็นเตอร์นี้ มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บัญชีม้า ที่เป็นสะพานเชื่อมให้เงินที่ได้จากการหลอกลวงได้รับการถ่ายโอนเงินออกไปยังหัวโจกที่ปลายทาง แม้ว่าแกงค์คอลเซ็นเตอร์จะมีบัญชีหลายร้อยหรือหลายพันบัญชีเตรียมไว้ แต่หากเรามีระบบการตอบสนองที่รวดเร็วพอและดำเนินการได้ทันที จะกี่ร้อยกี่พันบัญชีม้าก็ไม่มีความหมาย เพราะอำนาจในการระงับบัญชีเหล่านั้นอยู่ในมือรัฐบาลอยู่แล้ว ตอนรัฐประหารกดปุ่มปั้บระงับบัญชีแกนนำได้ทันทีเลย ก็หวังว่ารัฐบาลจะพิจารณาเอากลไกนี้มาใช้กับเรื่องนี้บ้างแต่ตนจะติดตามเรื่องนี้จนถึงที่สุดต่อไป”
#กาก้าวไกลประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม
#จรยุทธ
#จรยุทธก้าวไกล
#ต้นกล้าก้าวไกล
#พรรคก้าวไกล
#ยานนาวา #บางคอแหลม
อื่นๆ
จุดยืนทางการเมือง
ช่วงนี้บรรยากาศลั่นปี่กลองเตรียมตัวสู่การเลือกตั้งดังกระหึ่มขึ้นจากทุกที่ ทุกพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่พากันขยับอย่างคึกคัก เป็นสัญญาณว่าการเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ไม่ว่าจะเกิดจากการยุบสภาหรือสิ้นสุดวาระของรัฐบาลนี้
ต่างพรรคต่างก็มีวาระของตัวเอง บ้างก็หวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนขั้วอำนาจ ฝ่ายขั้วอำนาจเดิมที่มีการแยกพรรคแบ่งสายกันไปตามทางของตัวเอง ก็หวังอยากเปลี่ยนสมการให้ได้เสียงมากขึ้น ให้ได้มีอำนาจต่อรองมากขึ้น
ขณะเดียวกันมีนักต่อสู้ อย่าง แบม-และตะวันที่ยังมีอาการน่าเป็นห่วงและต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดกับการตัดสินใจต่อสู้กับกระบวนการอยุติธรรมด้วยการใช้ร่างกายจิตวิญญานเป็นเดิมพัน ล่าสุดโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ออกแถลงการณ์ล่าสุด ชี้ทั้งคู่อ่อนเพลียมากขึ้น หายใจเหนื่อย มีภาวะเลือดเป็นกรดต่ำ ค่าคีโตนสูง และปฏิเสธรักษาด้วยน้ำเกลือ
แน่นอนว่าสำหรับพรรคก้าวไกล ความหวังของเราคือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรัฐบาลเท่านั้น แต่ต้องเป็นการเปลี่ยนประเทศให้ดีไปกว่านี้
เป็นความหวังเดียวกับพี่น้องประชาชนหลายๆ คน ที่ต้องทนอยู่กับการเมืองแย่ๆ ปากท้องแย่ๆ อนาคตที่มืดมนจนหลายคนตัดสินใจย้ายประเทศกันก็มาก ความหวังของพวกเขาคือการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น
สำหรับผม ทุกครั้งที่ได้ลงพื้นที่ไปหาเสียงหาคะแนนสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่ ผมคิดถึงคนเหล่านี้เสมอ คนที่หวังอยากเห็นบ้านเมืองนี้ดีขึ้น และกำลังต่อสู้ในวิถีทางของภาคประชาชนเพื่อให้มันเกิดขึ้น
และคนที่ผมระลึกถึงมากที่สุดในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ คือน้องๆ เยาวชนสองคน “ตะวัน-แบม” ที่กำลังต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวในวิถีทางของตัวเอง เพื่อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองนี้ เอาชีวิตของตัวเองเข้าเสี่ยงเพื่อทุกคนในสังคม ไม่ต้องมาตกเป็นเหยื่ออธรรมในระบบแบบนี้อีก
และนักสู้ทุกคนที่กำลังตกเป็นเหยื่ออธรรมถูกจองจำด้วยข้อหา ข้อกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย ที่มีแต่ในประเทศเผด็จการ ประเทศที่ด้อยพัฒนาทางความคิดเท่านั้นที่ยังใช้กันอยู่
ผมอยากให้เพื่อนนักการเมืองทุกคน ทุกพรรค พึงคิดถึงเสมอว่าหากเราคือคนที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้าไปทำหน้าที่ มือของเราที่กดปุ่มโหวต คือมือที่จะตัดสินชะตาชีวิตของคนหลายๆ คน และอนาคตของประเทศไทยว่าจะไปทางไหน จะทำให้มันดีขึ้น แย่ลง หรือย่ำอยู่กับที่ ขึ้นอยู่กับมือของพวกเรา
จะปล่อยให้อนาคตของประเทศนี้ได้โบยบิน ให้ประเทศนี้ได้มาหาฉันทามติด้วยกันในความแตกต่างทางความคิด ให้คนรุ่นหลังได้กำหนดอนาคตของประเทศด้วยตัวเอง หรือจะกักขังพวกเขาให้อยู่กับอดีตที่เลวร้าย อนาคตของประเทศจะเดินไปในทางไหน ขึ้นอยู่กับมือของพวกเราทุกคน
หากความหวังของพวกท่านคือการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศนี้ดีขึ้น โปรดอย่าลืมพวกเขา ผู้เป็นตัวแทนความหวังของคนจำนวนมากในสังคมนี้
#กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
#จรยุทธ
#จรยุทธก้าวไกล
#ต้นกล้าก้าวไกล
#พรรคก้าวไกล
#ยานนาวา #บางคอแหลม
นโยบายสำหรับพื้นที่
จรยุทธ
จตุรพรประสิทธิ์
4
สิ่งที่ฉันต้องการที่จะ เปลี่ยนแปลง และ พัฒนาใน เขต 3 กรุงเทพมหานคร มีดังต่อไปนี้ ...
เขต
3
กรุงเทพมหานคร
ยานนาวา
บางคอแหลม
ส่งข้อความหาผู้สมัคร
[ปัญหา ‘แพล้นท์ปูน’ ยานนาวา จากพื้นที่ สู่ ส.ส. ส่งเรื่องต่อถึงสภาผู้แทนราษฎร]
ช่วงที่ผ่านมาผมได้ปรึกษาหารือปัญหาในพื้นที่ของเราหลายเรื่อง รวมถึงปัญหาแพล้นท์ปูนกับพี่ป๊อป ส.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน อยู่เสมอ เนื่องจากปัญหานี้เป็นปัญหาเฉพาะที่สร้างผลกระทบต่อพี่น้องชาวเขตยานนาวา-บางคอแหลมของพวกเรา ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา พี่ป๊อปรับอาสานำเรื่องนี้เข้าปรึกษาหารือต่อที่ประชุมสภา เพื่อแจ้งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งจัดการปัญหาและหาทางออกในปัญหานี้ร่วมกันกับพวกเรา
สิ่งที่พี่ป๊อปหารือกับสภาคือ การเกิดขึ้นของแพล้นท์ปูนใหม่ แถวถนนพระราม 3 ซอย 41 ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตผังเมืองสีน้ำตาลเข้ม ไม่สามารถสร้างกิจการโรงงานได้ทุกประเภท ซึ่งเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของ กทม.ในการกำกับดูแล ขณะที่อีกหน่วยงานหนึ่งคือกรมโรงงาน แม้ว่าก่อนหน้านี้เคยมีประกาศว่า โรงปูนไม่อยู่ในเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.โรงงานปี 35 จึงไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาต แต่ต่อมาได้มีการประกาศยกเลิกประกาศดังกล่าว พร้อมมีหนังสือแนบท้ายว่า ให้โรงงานที่ได้รับใบอนุญาตก่อนประกาศนี้สามารถประกอบกิจการต่อจนหมดอายุหรือการก่อร้างแล้วเสร็จ แต่แพล้นท์ปูนที่จะเปิดใหม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงงาน ปี 62 และมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 พ.ย.63 ก็คือบังคับใช้ก่อนโรงงานแพลนท์ปูนพระราม 3 ซอย 4 จะตั้งขึ้น
จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังพบว่า โรงงานนี้ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจากกรมโรงงาน เป็นการท้าทายข้อกฎหมาย นอกจากนี้ การสร้างโรงปูนในเมืองยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง
จากการปรึกษาหารือและชี้ปัญหาต่อสภาของพี่ป๊อป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่ากรมโรงงานหรือกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้ที่ต้องกำกับดูแลให้เป็นไปตามผังเมือง จะต้องรีบเข้ามาตรวจสอบโดยละเอียดว่าโรงงานนี้เริ่มก่อสร้างได้อย่างไร ใครเป็นผู้อนุญาตและทำได้ถูกต้องหรือไม่
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ครับ หลังจากนี้ผมกับพี่ป๊อปจะเกาะติดปัญหาของพื้นที่เราอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ปล่อยให้มีการดำเนินกิจการหรือกิจกรรมใดๆละเมิดต่อกฎหมายและสร้างผลกระทบต่อวิถีชีวิต สุขภาพและสิ่งแวดล้อมของประชาชน
#กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
#จรยุทธ
#จรยุทธก้าวไกล
#ต้นกล้าก้าวไกล
#พรรคก้าวไกล
#ยานนาวา #บางคอแหลม
[ อุตสาหกรรมในพื้นที่ชุมชน ต้องใช้ผังเมืองและกฎหมายดูแลเคร่งครัด ]
.
ในกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะในเขตยานนาวา เป็นพื้นที่ที่มีโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ​ (หรือแพล้นปูน) ตั้งอยู่มาก จึงจำเป็นต้องหาแนวทางสร้างสมดุลระหว่างกิจกรรมทางเศรษฐกิจกับผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ดังที่ตนเคยเสนอนโยบายการเปลี่ยน csr เป็นกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อนำไปใช้ในการกำกับดูแลและเยียวยาพื้นที่รอบโรงงานอุตสาหกรรม
.
อย่างไรก็ตาม อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้การกำกับดูแลมีประสิทธิภาพคือการบังคับใช้กฎหมายและผังเมือง ซึ่งปัจจุบันมี กรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรมดูแล แต่ขณะเดียวกัน กรุงเทพถือเป็นเป็นพื้นที่พิเศษที่ดูแลโดยท้องถิ่น หลายปีมานี้จึงมีความพยายามถ่ายโอนอำนาจหน้าที่ตรงนี้มาให้ กทม. ดังนั้น ความเข้าใจในอำนาจหน้าที่ของตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
.
"อย่างในเขตยานนาวาที่มีโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ​เยอะ ผู้อำนวยการเขตก็จะต้องกำกับดูแลให้สอดคล้องกับกฎหมายผังเมือง กทม.และกรมโรงงาน เช่นเดียวกับเขตอื่น ๆ หากมีบริบทพื้นที่แบบเดียวกัน เขตก็ต้องลงมาดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเองมากขึ้น"
.
รายละเอียดในการตั้งโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ​ สิ่งที่ต้องเข้าใจตรงกันคือ โรงงานส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนผังเมืองสีน้ำตาล (ที่อยู่อาศัยหนาแน่น)
.
กรมโรงงานเคยมีประกาศงดเว้นสำหรับโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จสำหรับไซต์งานก่อสร้างแบบชั่วคราว​ ให้ไม่ถือว่าเป็นโรงงานอุตสาหกรรมตาม พ.ร.บ.โรงงาน 2546
.
ต่อมา 30​ ตุลาคม​ 63​ ได้มีประกาศจากกรมโรงงานยกเลิกประกาศเรื่องหลักเกณฑ์พิจารณาโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ​ มีผลให้โรงงานคอนกรีตผสมเสร็จกลับไปอยู่ภายใต้นิยามโรงงานใน พ.ร.บ.โรงงาน62​
.
รายละเอียดคือ กิจการที่มีเครื่องจักรเกิน 50 แรงม้าต้องขอใบอนุญาติประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) เพื่อประกอบกิจการโรงงานปกติ​ต่อกรมโรงงาน​ และหนังสือแนบท้ายประกาศกรมโรงงานให้โรงงานที่มีหนังสือรับรองการตั้งโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จสำหรับไซต์งานก่อสร้างที่ออกให้ก่อนออกประกาศนี้ให้ใช้ต่อไปจนหมดอายุหรือโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ
.
ส่วนโรงงานตั้งใหม่ต้องขออนุญาติประกอบกิจการโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จภายใต้ พ.ร.บ.โรงงาน​ ปี 62​ คือต้องขอใบอนุญาติประกอบกิจการโรงงาน​ รง.4 กรณีมีการใช้เครื่องจักร 50 แรงม้าขึ้นไป
.
"สิ่งที่ผู้มีอำนาจต้องรีบจัดการก็คือ ตรวจสอบการออกใบอนุญาตก่อสร้างว่าตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ในการดำเนินการอนุญาตก็จะต้องพิจารณาตามกฎหมายผังเมืองประกอบว่าการก่อสร้างนั้นผิดกฎหมายผังเมืองหรือไม่
.
"สำหรับโรงงานประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตใบประกอบกิจการโรงงานนั้นมีความผิด​โดยชัดเจน มีบทลงโทษทางกฎหมาย โดยอาจถูกดำเนินคดีทั้งโทษปรับและออกคำสั่งให้รื้อถอน หรือโรงงานจะหยุดผลิตและยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานได้ แต่ระหว่างนั้นอาจมีโทษปรับรายวันจนกว่าจะได้ใบอนุญาต
.
"แต่สำคัญที่สุดคือด้วยผังเมืองในพื้นที่เป็นสีน้ำตาลไม่สามารถก่อสร้างโรงงานได้ทุกประเภท​ ยกเว้นจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงประเภทการใช้งานผังเมืองในเขตกรุงเทพมหานครที่สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงงานได้ ดังนั้น ตรงนี้จึงเป็นความลักลั่นและท้าทายว่าทางผู้มีอำนาจจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ทุกอย่างถูกต้องตามเจตนารมณ์และเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด"
.
โดยเจตนารมณ์ พ.ร.บ.โรงงานปี​ 62​ โรงงานประเภทที่​ 1 และ 2 จะต้องมีการถ่ายโอนอำนาจให้ท้องถิ่นดูแล ตามข้อนี้จึงอาจจะเป็นเหตุให้เขตมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน​ในการกำกับดูแลเรื่องใหม่ๆได้ จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องหาแนวทางหนุนเสริมความเข้าใจและยกระดับการกำกับดูแลกันต่อไป
#กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
#จรยุทธ
#จรยุทธก้าวไกล
#ต้นกล้าก้าวไกล
#พรรคก้าวไกล
#ยานนาวา #บางคอแหลม
[ น่าเสียดายที่เรายังมี ส.ว. เป็นตัวถ่วงประเทศ ]
.
สัปดาห์นี้ควรเป็นสัปดาห์ที่สังคมไทยควรจะได้มีความหวังถึงอนาคต เพราะในที่สุดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ‘ปลดล็อกท้องถิ่น’ ก็เข้าสู่การพิจารณารับหลักการของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหากใครได้ฟังการอภิปรายของคุณธนาธร อาจารย์ปิยบุตร รวมถึงผู้ร่วมชี้แจงทุกท่าน ก็จะเข้าใจชัดเจนถึงเหตุผลและความสำคัญของการกระจายอำนาจที่ทุกพื้นที่ ทุกท้องถิ่นจะสามารถกำหนดชะตาของตัวเองได้ โดยไม่ต้องรอรัฐส่วนกลางหรือนักการเมืองมาวิ่งเต้นเพื่อหวังผลเชิงอุปถัมป์ และฉุดรั้งศักยภาพของท้องถิ่น
.
แต่พอได้ฟังการอภิปรายของ ส.ว. แสงสว่างของเราก็เหมือนถูกดูดเข้าหลุมดำ ยิ่งทำให้รู้สึกคับแค้นว่าทำไมสังคมไทยถึงยังปล่อยให้คนพวกนี้ไปยืนอยู่ตรงนั้นได้ จริงอยู่การที่คนเราจะเห็นต่างหรือคิดต่างกันเป็นเรื่องปกติครับ แต่คนพวกนี้ไม่มีใครเป็นคนเลือกมาเป็นตัวแทนของชุดความคิดและอุดมการณ์ใดทั้งสิ้น แต่กลับได้โอกาสมายืนพ่นทัศนคติอันคับแคบและล้าหลังด้วยทีท่าอันเย่อหยิ่งลำพอง ผยองตนเสมือนว่าตนเก่งนักหนา คำก็แยกประเทศ สองคำก็แยกประเทศ สะท้อนว่าไม่มีสติปัญญาใด ๆ เลยกระทั่งจะแยกว่ามันต่างจากการกระจายอำนาจอำนาจอย่างไร ไม่มีกระทั่งความพยายามที่จะไปเรียนรู้ความสำเร็จจากทั่วโลกว่า ประเทศที่เจริญแล้วเขาใช้การกระจายอำนาจในการสร้างความมั่นคงและการพัฒนารวมถึงเพิ่มคุณภาพชีวิตดีๆให้ประชาชนของเขาได้อย่างไร
.
คนพวกนี้เคยไปมาแล้วทั้งนั้นครับ ญี่ปุ่น แคนาดา ฝรั่งเศสฯลฯ บางทีก็เอาภาษีเราไปดูงานด้วย เห็นอยู่กับตา เข้าใจดีว่าการกระจายอำนาจจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอะไร แต่กลับไม่รู้จักจะเรียนรู้และยอมรับว่า การกระจายอำนาจเปลี่ยนความเจริญจากที่กระจุกอยู่ส่วนกลางไปสู่ท้องถิ่นอย่างไร คงมีแต่ประเทศล้าหลังคร่ำครึเท่านั้นครับที่เลือกหวงระบบราชการใหญ่โตเทอะทะแบบนี้เอาไว้แบบนี้ ไม่ยอมกระจายหรือทำให้เล็กลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัว ซึ่งเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเบื้องหลังที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงก็คือหวงอำนาจของตัวเองทั้งนั้น
.
หลายคำกล่าวอ้างของคนพวกนี้ยิ่งไร้เหตุผลสิ้นดีครับ อ้างว่ากลัวท้องถิ่นทุจริตคอร์รัปชั่น แต่พอเอาหลักฐานมาดูกัน กลับเป็นข้าราชการส่วนกลางนี่แหล่ะที่คอร์รัปชั่นมากกว่าหลายเท่า ในทางกลับกันผมยิ่งเชื่อว่ายิ่งเรากระจายอำนาจมากเท่าไหร่ เปิดเผยให้ประชาชนตรวจสอบมากเท่าไหร่ คอร์รัปชั่นก็จะยิ่งลดลง
.
ในการโหวตรับหลักการที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ผมเชื่อว่าคนที่เป็นผู้แทนราษฎรและเชื่อในการมาจากประชาชน จะโหวตให้การกระจายอำนาจเกิดขึ้นในประเทศ แต่เรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เปิดโอกาสให้คนที่ไม่ได้เลือกมาจากใครเลยอย่าง ส.ว.ชุดนี้มามีสิทธิมีเสียงมากจนสามารถถ่วงอนาคตของเราจนขยับไปข้างหน้าไม่ได้สักที
.
น่าเศร้าใจจริง ๆ ครับ
เราคือคนขีดเส้นทางนี้เองเส้นทางของการเปลี่ยนแปลง
#ต้องก้าวไกลให้ไทยก้าวหน้า
#กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
#เปลี่ยนประเทศไทยก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
#จรยุทธก้าวไกล
#ต้นกล้าก้าวไกล
#กล้าก้าวไปก้าวไกล
#พรรคก้าวไกล
#ยานนาวา #บางคอแหลม
[เปลี่ยน CSR เป็น 'กองทุน' หนุนประชาชนมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา]
หลายๆคนอยากเข้าสู่การเมืองเพราะคลั่งไคล้ในอำนาจ บางคนเข้าสู่การเมืองเพราะเติบโตมาในครอบครัวการเมือง บางคนมองการเมืองเป็นธุรกิจ มีคนเคยถามผมเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากทำงานการเมือง มีเป้าหมายอะไรถึงมาทำแบบนี้ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
.
แน่นอนแหละครับ สิ่งที่เป็นเป้าหมายหลักของผมคืออยากเห็นประเทศไทยพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ อยากเห็นความเท่าเทียมในสังคม อยากเห็นคนทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่มีความเหลื่อมล้ำ อยากเห็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา แต่จะทำอย่างไรให้ไปถึงตรงนั้นได้ คงต้องเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในระยะยาว
.
ในระหว่างทางที่จะไปถึงตรงนั้นได้ ผมมีนโยบายนึงที่ผมอยากเสนอครับ นโยบายของผมคือการนำภาษีของโครงการหรืออุตสาหกรรมต่างๆที่มีผลกระทบต่อพื้นที่รอบข้าง นำมาเป็นกองทุนสำหรับพัฒนาพื้นที่นั้นๆ โดยตั้งคณะกรรมการซึ่งอาจประกอบไปด้วยประชาชนผู้ที่อยู่ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อดึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่มาบริหารกองทุนให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
.
จริงๆเรื่องนี้เป็นความคิดของคุณพ่อผมเมื่อสมัยยี่สิบปีที่แล้ว ที่นำหลักการนี้ไปบังคับใช้กับโรงไฟฟ้า นำภาษีของโรงไฟฟ้าเพื่อมาพัฒนาพื้นที่โดยรอบที่ตั้งของโรงไฟฟ้า คุณพ่อผมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
"ไม่ใช่เรื่องง่ายในการเป็นผู้บุกเบิกสิ่งเหล่านี้ ทำให้ผู้ประกอบการในโลกทุนนิยมยอมรับการตรวจสอบ ยอมรับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะเท่ากับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมอื่นต้องเดินตาม"
วันนี้ผมเลยอยากที่จะเดินตามสิ่งที่คุณพ่อผมเคยได้ทำไว้ครับ แต่ในเมื่ออุตสาหกรรมต่างๆไม่อาสาที่จะดำเนินการ ผมเลยอยากจะผลักดันนโยบายนี้ให้เป็นกฎหมายโดยอยากได้การสนับสนุนจากประชาชนทุกๆคนครับ
.
โครงการหรืออุตสาหกรรมต่างๆที่ผมว่าคืออะไร ผมขอยกตัวอย่างปัญหาที่ผมพบเจอในพื้นที่เขต ยานนาวา-บางคอแหลม ของผมก่อนแล้วกันครับ ใครที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตนี้จะทราบดีว่าในเขตมีแพล้นท์ปูนเยอะมาก แล้วแพล้นท์ปูนเหล่านี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทั้งผู้อยู่อาศัยรอบด้านและเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มันจะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถจัดทำกองทุนที่มาจากรายได้ส่วนนึงของแพล้นท์ปูนเหล่านี้ เพื่อนำมาพัฒนาสภาพแวดล้อมของชุมชนที่อยู่โดยรอบแพล้นท์ปูน นำมาพัฒนาด้านการศึกษาของเด็กๆในพื้นที่ พัฒนาด้านศาสนาวัฒนธรรม พัฒนาด้านสาธารณะสุขของชุมชน พัฒนาด้านการกีฬา หรือพัฒนาทักษะการทำงานหาเลี้ยงชีพ
.
โครงการหรืออุตสาหกรรมอื่นใดบ้างที่จะเข้าข่าย สำหรับผมไอเดียไม่มีที่สิ้นสุดครับ โรงงานต่างๆที่ปล่อยมลภาวะ บ่อขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่สร้างปัญหาทางด้านการจราจร โครงการก่อสร้างต่างๆที่สร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น หรือสำหรับโครงการใดที่เข้าข่ายต้องประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA - Environmental Impact Assessment) แม้ว่าจะผ่าน EIA แล้ว ผมว่ายิ่งต้องมีนโยบายนี้มากำกับ เพราะชัดเจนว่ามีผลกระทบแน่นอน
.
ผมอยากผลักดันนโยบายนี้ให้บังคับใช้กับทุกธุรกิจที่สร้างผลกระทบต่อชุมชน ต่อสิ่งแวดล้อม ต่อการใช้ชีวิตของประชาชน ถามว่ามันยากไหม ตอบได้เลยว่ามันคงท้าทายแน่นอน แต่ถ้าธุรกิจต่างๆมองว่านี่คือ CSR (Corporate Social Responsibility) ที่ตรงจุด เป็นความรับผิดชอบต่อสังคมต่อชุมชนโดยตรง ไม่ใช่การหว่านเงินลงไปแต่ไม่ตรงเป้าหมาย และไม่ไปมองว่ามันเป็นการเก็บส่วยแบบถูกกฎหมาย ถึงแม้ว่าบางโครงการจะมีการจ่ายส่วยที่ผลประโยชน์ไปเข้ากระเป๋าใครผมไม่ขอพูด แต่ถ้าเอาทุกอย่างขึ้นมาคุยกันบนโต๊ะ ผลประโยชน์ไปตกอยู่ที่ชุมชนจริงๆ ผมเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับได้
.
สำหรับผมนโยบายนี้คือความสวยงามของกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน ผมตอบคำถามได้เลยว่านโยบายนี้คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมอยากเข้ามาสู่การเมือง ตอนนี้มันยังเป็นแค่จุดเรื่มต้น ผมมีนโยบายนี้ที่ผมอยากนำเสนอ ที่เหลือผมอยากได้ความเห็นจากทุกๆคน มาร่วมกันเสนอความคิดเห็น มาร่วมกันแก้ปัญหา มาร่วมกันสรรหาทางออก มาร่วมกันทำให้นโยบายนี้เป็นจริงขึ้นมาด้วยกัน มาร่วมกันสร้างสรรค์สังคมเราให้ดีขึ้น มาร่วมกันขีดเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทยไปด้วยกันครับ
เราคือคนขีดเส้นทางนี้เองเส้นทางของการเปลี่ยนแปลง
#ต้องก้าวไกลให้ไทยก้าวหน้า
#เปลี่ยนประเทศไทยก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
#จรยุทธก้าวไกล
#ต้นกล้าก้าวไกล
#กล้าก้าวไปก้าวไกล
#พรรคก้าวไกล
#ยานนาวา #บางคอแหลม
จรยุทธ
จตุรพรประสิทธิ์
เขต
3
กรุงเทพมหานคร
4
ยานนาวา
บางคอแหลม
ช่องนนทรีบางโพงพางบางคอแหลมวัดพระยาไกรบางโคล่
ส่ง Email หาผู้สมัคร
ส่งข้อความหาฉัน
คุณต้องการให้เขต 3 กรุงเทพมหานคร
มีอะไรเปลี่ยนหรือว่าพัฒนาให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม
หมวดหมู่
ข้อความ
ชื่อ
ส่งข้อความ
บริจาคให้ผู้สมัคร